หน้าที่ของอาชีพต่างๆ
1.ทนายความ
ลักษณะของงานที่ทำ
ปฏิบัติงานทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย เช่น ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย จัดทำเอกสารเกี่ยวกับกฎหมายทำหน้าที่เป็นตัวแทนในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมาย และดำเนินการแทนคู่ความทั้งทางอาญา และแพ่งตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ และค้นตัวบทกฎหมายที่จะนำมาใช้โดยการศึกษาประมวลกฎหมาย พระราชกฤษฎีกา เทศบัญญัติ คำพิพากษาของศาลสูงที่มีมาแล้ว และกฎข้อ-บังคับที่ตราขึ้นไว้ ให้คำแนะนำแก่ลูกความถึงสิทธิ และหน้าที่ตามกฎหมาย ทำการแทนลูกความในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับกฎหมาย จัดทำเอกสารเกี่ยวกับกฎหมาย และค้นหาบรรพต่างๆ ในประมวลกฎหมาย ว่าความ และดำเนินกระบวนการพิจารณาใดๆ ในศาลแทนคู่ความทั้งในคดีแพ่ง และคดีอาญา มีบทบาทในการสร้าง และรักษาความเป็นธรรมให้กับสังคม มีบทบาทในการคุ้มครอง ดูแลรักษาผลประโยชน์ของบุคคล และองค์กรธุรกิจเอกชนต่าง ๆ มีบทบาทในการให้คำปรึกษาแนะนำ ในการดำเนินการต่างๆ ให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมาย มีบทบาทเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ด้วยอาจเชี่ยวชาญในงานกฎหมายสาขาใดสาขาหนึ่งโดยเฉพาะ อาจเป็นทนายความ หรือที่ปรึกษากฎหมายประจำองค์กร บรรษัท ห้างหุ้นส่วน บริษัท นิติบุคคล คณะบุคคล หรือเอกชน
2.ที่ปรึกษากฎหมาย
ลักษณะของงานที่ทำ
1. ให้คำแนะนำแก่หน่วยงาน หรือองค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรของเอกชนในด้านกฎหมาย
2. ให้คำแนะนำและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการร่างพระราชบัญญัติ คำสั่ง กฎ ระเบียบข้อบังคับและเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ
3. ร่างพระราชบัญญัติและเอกสารทางกฎหมายตามที่ องค์กร หรือหน่วยงานต้องการ
4. ตีความเรื่องสิทธิหน้าที่และข้อผูกพันตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสถานประกอบกิจการให้ฝ่ายจัดการระดับสูงสุดทราบ
5. ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ทนายความประจำสถานประกอบการเกี่ยวกับการว่าความ คดีต่าง ๆ ในศาล
3.อัยการ
ลักษณะของงานที่ทำ
1. งานอำนวยความยุติธรรมทางอาญา เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลและคานอำนาจการใช้ดุลพินิจทั้งของพนักงานสอบสวนและศาลเพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรม
2. งานด้านคดีอาญาระหว่างประเทศ ในกรณีคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการร่วมมือกับต่างประเทศในการสอบสวนและอื่นๆ
3. งานด้านรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ให้คำแนะนำปรึกษาหารือปัญหาข้อกฎหมาย แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
4. งานด้านคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน รับหน้าที่ในคดีที่ราษฎรไม่อาจเป็นโจทก์ ฟ้องร้องคดีได้โดยมีกฎหมายห้ามไว้ เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรก็จะดำเนินคดีแทนให้
5. งานตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง กรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือข้าราชการระดับสูงผู้ใดเมื่อถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนแล้วเห็นว่ามีมูล จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นงานตามที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ
6. งานพิเศษ เช่น งานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยมีโครงการเผยแพร่ความรู้และช่วยเหลือทางกฎหมายให้แก่ประชาชน โครงการสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางแพ่งในระดับท้องถิ่นโดยอนุญาตตุลาการ ฝึกอบรมความรู้กฎหมายเบื้องต้นทางกฎหมายแก่ผู้นำหมู่บ้าน
4.ผู้พิพากษา
ลักษณะของงานที่ทำ
ตรวจคำคู่ความซึ่งยื่นต่อศาลเพื่อสั่งรับหรือไม่รับหรือให้ทำใหม่หรือให้แก้ไขเพิ่มเติมควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี ออกข้อกำหนดเพื่อรักษาความ เรียบร้อยในบริเวณศาลและเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม และ รวดเร็ว ออกหมายเรียก ออกหมายอาญา ออกหมายสั่งให้ส่งคนมาจาก หรือไปยังจังหวัดอื่นหรือออกคำสั่งใด ๆ ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องหรือคำขอไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ ในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของ เจ้าพนักงานนั่งพิจารณาคดีและควบคุมการนำสืบพยานหลักฐานของคู่ความ ตรวจบุคคล วัตถุสถานที่หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาโดยยุติธรรมตามกฎหมาย บังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา ทำรายงานการคดีและกิจการของศาลส่งตามระเบียบ ระมัดระวังการใช้ระเบียบวิธีการต่างๆ ที่กำหนดขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่น ให้เป็นไปโดยถูกต้องเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จเด็ดขาดไปโดยเร็วอาจมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่างประเภทกันตามประเภทของศาล
5.ข้าราชกาลครู
ลักษณะของงานที่ทำ
1.เป็นผู้ที่สามารถให้ทางแห่งความรอดแก่ศิษย์ ความรอดมีอยู่สองทาง คือทางรอดทางกายและทางรอดทางใจ
2.ต้องสามารถดำรงความเป็นครูอยู่ได้ทุกอริยาบท
3.ต้องสามารถเป็นตัวอย่างตามคำสอนแก่ศิษย์ได้ สอนอย่างไรทำอย่างนั้น
หน้าที่และความรับผิดชอบของครูในอีกด้านหนึ่งนั้นก็เป็นการพิจารณาหน้าที่ของครูในเชิงคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่เป็นไปตามแบบธรรมเนียมปฏิบัติมีลักษณะเป็นวัฒนธรรมและจารีตประเพณี
6.ข้าราชกาลทหาร
ลักษณะของงานที่ทำ
ฝึกอบรมให้มีความรู้ความชำนาญในการใช้อาวุธ เมื่อถึงคราวที่ปกป้องประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในยามปกติชาติจำเป็นต้องเตรียมกำลังรบไว้เพื่อพร้อมที่จะรับเหตุการณ์ฉุกเฉินอันอาจจะเกิดขึ้นได้จากศัตรูทั้งภายใน และ ภายนอกประเทศ ทั้งนี้เพื่อเป็นการไม่ประมาท ดังพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ ว่า “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์” สงครามหรือเหตุการณ์อันไม่สงบอาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ทั้งนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นไปอย่างรวดเร็วด้วย ฉะนั้นการที่พลเมืองเข้ารับราชการทหารทุก ๆ ปี ก็เพื่อเป็นการเตรียมกำลังรบไว้เสียในยามปกติ เพื่อให้ทุก ๆ คนที่เป็นกำลังของชาติมีความรู้ในการใช้อาวุธ และหลักการรบ ทหารแต่ละคนภายในหน่วยในยามปกติมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อผู้และสิ่งที่ตนเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดผลดีแก่หน่วยและตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น